“รู้หรือไม่” คำว่า Hylobates เป็นภาษากรีก แปลว่า นักเดินป่า ชะนีมงกุฎจัดเป็นวานรขนาดเล็ก (Lesser Apes) ไม่มีหาง รูปร่างเพรียว ใบหน้าแบน ช่วงอกกว้าง มีแขนที่ยาวมากเมื่อเทียบกับขาที่ค่อนข้างสั้น ชะนีมงกุฎเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิตบนชั้นเรือนยอดไม้ (เคลื่อนที่ หาอาหาร และมีกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ) ชะนีมงกุฎทั้งสองเพศเกิดมาด้วยขนสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน มีขนสีดำบนศีรษะและหน้าอกเมื่ออายุ 10–12 เดือน ไม่มีขนบริเวณใบหน้า ชะนีมงกุฎตัวผู้ในช่วงวัยรุ่นจะมีสีขนเหลือง เมื่ออายุ 3–4 ปี จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ยกเว้นขนสีขาวบนหัวคล้าย สวมมงกุฎ รอบ ๆ ใบหน้า คิ้ว หลังมือ หลังเท้า รวมทั้งถุงอัณฑะ ชะนีมงกุฎตัวเมียและวัยรุ่นมีขนสีเทาเงินหรือสีน้ำตาลแกมเหลือง มีขนสีขาวรอบใบหน้า และขนเหนือหู มีขนสีดำบนหัว แก้ม หน้าอก ท้อง คล้ายสวมเอี๊ยมหรือผ้ากันเปื้อน ชะนีมงกุฎจะอยู่เป็นครอบครัวเล็ก ๆ เฉลี่ยครอบครัวละ 4 ตัว มากสุดไม่เกิน 7 ตัว และมีอาณาเขตเฉพาะเป็นของตนเอง ชะนีมงกุฎมีแผ่นรองนั่ง (Callosities) มีลักษณะเป็นแผ่นหนังกลม ๆ ขนาดฝ่ามือชะนี อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ ไว้ใช้สำหรับนั่ง
พบในทวีปเอเชีย กระจายอยู่ทางตะวันออกของราชอาณาจักรไทย ทางตะวันตกของราชอาณาจักรกัมพูชา และทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริเวณ ป่าดิบประเภทต่าง ๆ และป่าเบญจพรรณที่มีความสมบูรณ์ ที่ระดับความสูงไม่เกิน 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
เป็นสัตว์กินพืช อาหารหลัก คือ ผลไม้สุกเป็นส่วนใหญ่ (65 %) เช่น ไกร ไทรผู้ดี เดื่อใบหว้า มะหลอด ตีนตั่ง เงาะป่า มังคุดป่า และกระท้อนป่า ดอกไม้ (1.3 %) เช่น ดอกยางเสียน ยอดอ่อนเถาวัลย์ (25 %) ใบอ่อน (13%) แมลง (8.7%) ไข่นก กินผลไม้มากในช่วงเช้าและเย็น กินใบไม้และแมลงมากขึ้นในตอนกลางวัน กินน้ำโดยใช้วิธีการใช้มือจุ่มลงไปในน้ำตามโพรงไม้ แล้วเลียจากมือ
ชะนีมงกุฎใช้เวลาในการพักผ่อน (Resting) ประมาณ 8.2 ชั่วโมงต่อวัน (37%) การหาอาหาร (26%) การเดินทาง (25%) การดูแลตัวเอง (Grooming) (5%) การร้อง (4%) การเล่น (3%) และการนอนหลับ (Sleeping) 15.8 ชั่วโมง ชะนีมงกุฎประกาศอาณาเขตด้วยการร้องเสียงดัง โดยตัวเมียจะเริ่มร้อง (Female Great Call) และตัวผู้จะร้องรับ ในช่วงกลางเป็นเสียงที่สั้นกว่า และต่อเนื่องไปกับเสียงร้องของตัวเมีย การร้องของทั้งตัวเมียและตัวผู้นี้รวมเรียกว่า การร้องคู่ (Vocal duet) บางครั้งจะได้ยินเสียงร้องของตัวผู้ตัวเดียว (Male solos) ส่วนใหญ่จะร้องตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงสาย ๆ ประมาณ 10–30 นาที ถึงเวลาประมาณ 10.00–11.00 น. เสียงร้องดังไกล 2 กิโลเมตร ชะนีมงกุฎเคลื่อนที่โดยโหนจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่ง ซึ่งการโหนหรือการกระโจนอาจไกลถึง 9 เมตรหรือมากกว่า ด้วยความเร็วประมาณ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการหากินใน 1 วัน ชะนีมงกุฎเดินทางเป็นระยะทางประมาณ 400–1,300 เมตร (เฉลี่ย 833 เมตร) เมื่ออยู่บนพื้น ชะนีมงกุฎจะชูแขนขึ้นเหนือศีรษะเพื่อทรงตัว ชะนีมงกุฎไม่สร้างที่นอน แต่จะเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมและปลอดภัย ซึ่งมักอยู่ห่างจากต้นไม้ที่เป็นอาหารต้นสุดท้าย เพราะพวกมันต้องการหลีกเลี่ยงผู้ล่าและสัตว์หากินตอนกลางคืนซึ่งอาจเข้ามารบกวนขณะพักผ่อน ชะนีมงกุฎนอนด้วยการนั่งพิงหลังกับลำต้นต้นไม้ใหญ่แล้วใช้มือจับกิ่งไม้ใกล้เคียงไว้ หรือเอียงตัวตะแคงบนกิ่งไม้ที่มั่นคง แล้วเอามือจับกิ่งไม้อีกกิ่ง ส่วนใหญ่ชะนีมงกุฎมักอยู่บนต้นไม้ที่ใช้นอนก่อนที่ฟ้าจะมืด เวลาประมาณ 15.00–16.00 น.
1. เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 2. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered: EN) จากการประเมินสถานภาพชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2023) 3. เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered: EN) จากการประเมินสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) หรือ IUCN Red List (2020) 4. เป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและพืชป่าในบัญชีหมายเลข 1 ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์ ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัยและเพาะพันธุ์ แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าก่อน ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกให้ได้ โดยจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้น ๆ ด้วย ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES)
CLASS : Mammalia
ORDER : Primates
FAMILY : Hylobatidae
GENUS : Hylobates
SPECIES : Pileated Gibbon (Hylobates pileatus)
อายุขัยประมาณอายุ 39 ปี
ชะนีมงกุฎไม่มีฤดูผสมพันธุ์ที่แน่นอน ชะนีมงกุฎมีระบบการผสมพันธุ์แบบผัวเดียวเมียเดียว และรวมตัวกันเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก วงรอบการเป็นสัดของตัวเมียเฉลี่ยประมาณ 27–30 วัน โดยมีประจำเดือนประมาณ 4–5 วัน ตัวเมียถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 7.5 ปี และตัวผู้ถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อประมาณ 5–8 ปี การตั้งท้องโดยเฉลี่ยจะใช้เวลา 6–7.5 เดือน ลูกชะนีมงกุฎส่วนใหญ่จะหย่านมเมื่ออายุระหว่าง 1–2 ปี ลูกจะอยู่กับแม่จนถึงอายุประมาณ 2 ปี เมื่อลูกอายุได้ 2–3 ปี แม่ชะนีมงกุฎจะเริ่มผสมพันธุ์อีกครั้ง ออกลูกครั้งละ 1 ตัว เมื่อลูกชะนีอายุได้ 1 ปี จะเริ่มออกจากอกแม่ห้อยโหนไปมาด้วยตัวเอง ลูกชะนีมงกุฎตัวผู้จะถูกขับออกจากฝูงเร็วกว่าตัวเมีย และจะอยู่ตามลำพังจนกระทั่งหาคู่ผสมพันธุ์ได้ ชะนีมงกุฎในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีการผสมข้ามพันธุ์กับชะนีมือขาว จนเกิดเป็นชะนีลูกผสมซึ่งมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างออกไป รวมถึงเสียงร้องด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นับเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลก ที่มีชะนีทั้ง 2 ชนิดนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ความยาวลำตัวประมาณ 45–64 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 4–8 กิโลกรัม ตัวเมียหนักประมาณ 5.4 กิโลกรัม ตัวผู้หนักประมาณ 5.5 กิโลกรัม มีฟัน 32 ซี่ และมีฟันเขี้ยวยาว (สูตรฟันคือ 2/2, 1/1, 2/2, 3/3)
แก้ไขข้อมูล ณ วันที่ 11 เมษายน 2560